ทุกๆวันพุธ ส่วนตัวผมจะมีคิวสอนที่โรงเรียนวัดคิรีวิหาร (สมเด็จพระวันรัตอุปถัมภ์) ไปเช้าและเย็นกลับมานอนที่โรงเรียนวัดวิเวกวราราม
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีคุณครูท่านหนึ่ง ท่านลาไปเข้าพิธีมงคลสมรส และทางโรงเรียนได้ให้ผมช่วยสอนในรายชั่วโมงของคุณครูท่านนั้น ผมก็รับมาด้วยความเต็มใจครับ เพื่อให้คุณครูท่านที่ไปสมรส จะได้ไม่ต้องกังวลในรายชั่วโมงที่ต้องสอน และเด็กๆจะได้ไม่ต้องเคว้งคว้าง
และในเช้าวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ ผมเดินทางมาถึงโรงเรียนวัดคิรีวิหาร (สมเด็จพระวันรัตอุปถัมภ์) เพื่อสอนตามปกติ
ทุกๆครั้งที่ผมมาถึง ผมจะต้องเข้าไปขอกุญแจห้องภาษาไทย (ที่ปรับปรุงเป็นห้องสอนเปียโน) เพื่อนำขึ้นไปเปิดห้อง ที่อยู่ชั้น 3 (เดินขึ้นเหนื่อยละครับ 55555+)
"อาจารย์ตู่คะ" เสียงท่าน ผอ.ธิดา ผอ.โรงเรียนคิรีวิหาร (สมเด็จพระวันรัตอุปถัมภ์) เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหน้าผม
"ฝากชั่วโมงครูอ้อให้ช่วยสอนแทนด้วยนะคะ" หลังจากที่ผมฟังเหตุและผลแล้ว ก็มาสรุปได้ว่า
มันมีความไม่แน่นอนของชีวิตอยู่ เพราะว่า พุธที่แล้วครูอ้อ ลาไปเข้าพิธีสมรส และพุธนี้ ต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งครูอ้อ และสามี...ด้วยอุบัติเหตุจากการเดินทาง...(หายเร็วๆนะครับ)
วันนั้น ผมก็สอนเด็กๆตามปกติ แม้จะมีเด็กๆจากชั่วโมงครูอ้อเข้ามาเพิ่มเติม แต่ก็สนุกดีครับ เพราะครูอ้อสอนนาฏศิลป์ แต่ผมสอนดนตรีสากล 55555+ เย็นวันนี้ผมก็เดินทางกลับมานอนที่โรงอาหารโรงเรียนวัดวิเวกวราราม เพราะทุกช่วงเช้าวันพฤหัสผมมีคิวสอนของโรงเรียนวัดหนองเสม็ด
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ตื่นจัดการตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปสอนเด็กๆที่โรงเรียนวัดหนองเสม็ด
7.35 น. เป็นเวลาที่ผมจะต้องถึงโรงเรียน จอดรถเสร็จเรียบร้อยก็นำอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ นำขึ้นไปไว้ที่ห้องคอมฯ เสร็จแล้วก็เดินออกมากินข้าวต้มของเจ้ที่อยู่หน้าโรงเรียน วันนี้หมูหมด เหลือแต่ปลา ก็จัดการข้าวต้มปลาไป 1 ถ้วย เจ้เค้าทำอร่อยครับ เพียงถ้วยละ 20 บาทเท่านั้นเอง กินเสร็จก็กลับเข้าโรงเรียน นักเรียนกำลังทำกิจกรรมร้องเพลงชาติและสวดมนต์ไหว้พระกับอยู่ ผมก็เข้าร่วมด้วยครับ
หลังจากนั้น ผอ.เดียร์ (แม่ครู) ก็อบรมเด็กในช่วงเช้าก่อนที่จะแยกย้ายกลับเช้าชั้น เพื่อเรียนตามปกติ
ผมขึ้นไปจัดอุปกรณ์ เพื่อรอสอนในห้องคอมสักพักครูก้อยก็เดินนำกาแฟและขนมขึ้นมาให้ผมที่ห้องคอมฯ พร้อมกับเล่าให้ผมฟังว่า
"วันนี้ชั้น ป.6 เด็กจะเรียนกันไม่ครบทุกคนนะคะ เพราะจะต้องไปวัดเพื่อทำพิธีทางศาสนาให้กับเพื่อนของเค้าที่พึ่งจะเสียชีวิตไป ด้วยอุบัติเหตุ 1 คนเสียชีวิต อีก 1 คน ขาหักคะ"
และวันนี้ (พฤหัสที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564) ผมก็มาสูญเสียลูกศิษย์ไป 1 คน เธอจากไปโดยไม่ลาผมแม้แต่คำเดียว...และเธอจะไม่มีวันกลับมาเรียนกับผมอีกแล้ว ในชั่วชีวิตของผม... ส่วนอีกคนก็ขาหัก...
มันมีความไม่แน่นอนของชีวิตแอบแฝงตัวอยู่ในตัวเราตลอดเวลา อยู่ที่ว่า มันจะออกมาหาเราในวินาทีใด เท่านั้นเอง...
เวลาเกิดตามสูติบัตร ทุกๆคนรู้ แม้แต่ตัวผมเอง ผมก็รู้ และนั่นก็คือลมหายใจแรกของทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิต และมีจิตวิญญาณครอง...ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือว่าสัตว์ แต่...
เวลาที่เราจะถึง...ซึ่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต...มนุษย์ธรรมดาอย่าเราๆท่านๆ...ไม่มีใครที่จะสามารถรู้ได้ (นอกจากผู้ที่เป็นพระอริยสงฆ์ หรือผู้ที่สำเร็จอรหันต์แล้วเท่านั้น)
อย่าประมาทในทุกๆลมหายใจเข้าออกกันนะครับ จงอยู่อย่างมีสติในทุกๆเมื่อ ในทุกๆอิริยาบท เมื่อเรามีสติแล้ว เราจะไม่กลายเป็นคนหลง...(เช้าวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา ตี 5:51 นาที)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น